บทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง : พี่มากพระโขนง
ภาพยนตร์เรื่องพี่มากพระโขนงเป็นหนังแนวรักสยองขวัญและตลกซึ่งดัดแปลงมากจากแม่นาคพระโขนงในเรื่องก่อนๆ
โดยจะเอาตำนานของแม่นาคมาทำเป็นหนังย้อนยุคในมุมมองใหม่ ตีความใหม่
และสร้างแนวย้อนยุคที่ไม่จำเป็นต้องถูกต้องร้อยเปอร์เซ็น
ใช้
"ทฤษฎีของ Genre" เข้ามาวิจารณ์ดังนี้ หนังเรื่องพี่มากยังคงมีการหยิบยกเรื่องราวและช็อตต่างๆที่สำคัญของแม่นาคในยุคก่อนๆมาผสมผสานกันกับพี่มากในยุคนี้ได้อย่างลงตัว
ในเรื่องราวของพี่มากนั้นมีการเพิ่มเนื้อหาและเพิ่มสีสันใหม่ๆเข้ามาไม่ว่าจะเป็นบทพูดที่ใช้คำศัพท์แปลกใหม่มุขตลกที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่องตัวละครหลักนอกจากจะเป็นพี่มากและแม่นาคนั้นยังมีอีกสี่ตัวละครที่สร้างเสียงหัวเราะเรียกได้ว่าเป็นตัวสร้างสีสันของหนังก็ว่าได้
อีกทั้งยังเป็นตัวดำเนินเรื่องราวเกือบทั้งหมด
ทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไปและสามารถสร้างความดึงดูดให้แก่ผู้ชมตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องให้ติดตามเรื่องราวต่อๆไป
นอกจากนี้ยังใช้"ทฤษฎีการเล่าเรื่อง"เข้ามาวิจารณ์ดังนี้
โครงเรื่อง หนังเรื่องพี่มาก
ได้หยิบเอาตำนานเรื่องแม่นาคมาเล่าใหม่ในฉบับของพี่มาก
โดยตัวพี่มากต้องไปเป็นทหารรับใช้ชาติ
ระหว่างที่พี่มากไม่อยู่แม่นาคก็ตายทั้งกลมกลายเป็นผีและเฝ้ารอพี่มากคนทั่วพระโขนงต่างหวาดกลัว
เมื่อพี่มากกลับมาพระโขนงพร้อมเพื่อนอีก 4 คน พี่มากก็อยู่กินกับแม่นาคตามปกติ
ซึ่งระหว่างนั้นพี่มากและเพื่อนๆต่างไม่รู้เลยว่าแม่นาคได้ตายไปแล้ว
ส่วนใหญ่ในเรื่องเพื่อนๆทั้ง 4 จะเป็นฝ่ายดำเนินเรื่องมากกว่าจนความจริงปรากฎขึ้นว่าแม่นาคเป็นผี
เรื่องราวก็ดำเนินมาเรื่องๆ เพื่อนๆพยายามบอกความจริง
จนในที่สุดก็เฉลยอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วตัวพี่มากนั้นรู้ความจริงตั้งแต่แรกๆแล้วว่าแม่นาคเป็นผีแต่ยอมโง่เผื่อจะอยู่กับแม่นาค
เมื่อหนังเดินทางมาถึงจุดจบตรงที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันได้และมีความสุขที่จะอยู่กันแบบนี้ต่อไป
หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเพราะดูมากันมากี่ภาคก็พอจะรู้แนวทางหลักๆของเรื่อง
แต่เรื่องนี้กลับฉีกแนวได้ดีมีการทำให้คนดูสับสนได้แบบกลมกล่อมและเพิ่มตัวละครเข้ามาได้อย่างลงตัว
ความขัดแย้ง
ในหนังเรื่องพี่มากพระโขนง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนและผี
ซึ่งสามารถทำให้คนอยู่ร่วมกับผีได้
[อาจจะขัดต่อโลกของความเป็นจริงตรงที่คนกับผีไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้]
หากเราลองมองอีกด้านผีอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หนังเรื่องนี้
ได้ทำความเข้าใจใหม่ตรงที่ว่า
ให้คนและผีสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติ
ตัวละคร ตัวละครหลัก
: พี่มากผู้ชายผู้รักเมียรักลูกเหนือสิ่งอื่นใด
ทุกลมหายใจมีแต่ลูกและเมียส่วนแม่นาค หญิงสาวผู้เทินทูนความรัก
เฝ้าคอยและจงรักภักดีต่อผู้เป็นสามี ส่วนตัวละครหลักอีก 4 คน ประกอบไปด้วย เต๋อ เต๋อเป็นคนรักเพื่อน
เป็นคนซื่อสัตย์เป็นคนที่คิดวิเคราะห์หาวิธีในการบอกเรื่องแม่นาค เผือก
เผือกเป็นคนเจ้าชู้ แอบชอบแม่นาคตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ชิน
ชินจะเป็นคนขี้กลัว นิสัยจะเป็นเด็กๆกลัวทุกอย่าง
เอ เอจะเป็นคนที่ละโมบโลภมาก
แม้รู้ว่าแม่นาคเป็นผีก็ยังคิดจะขโมยแหวนจากศพแม่นาค ทั้ง 4 นี้ชอบเต๋อที่สุดเพราะเป็นตัวละครที่มาดดูฉลาดมาก
แต่เอาจริงๆแล้วกลับกลายเป็นคนที่โง่ที่สุด
ถ้าลองสังเกตดูโดยรวมแล้วตัวละครหลักจริงๆก็เพื่อนของพี่มากนั่นแหละซึ่ง 4 คนนี้จะเป็นตัวดำเนินเรื่องทั้งหมด
เป็นคนปล่อยมุขเกือบจะทั้งหมดเหมือนกัน
แก่นเรื่อง หนังเรื่องพี่มาก
เทินทูนความรัก ความรักทำให้คนเรายอมปิดตาข้างหนึ่งยอมหลอกตัวเองเพื่อจะได้อยู่และใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เรารักความ
ผูกพันธ์ของชายหนุ่มและหญิงสาว ซึ่งก็คือพี่มากและแม่นาค
แม้ความตายก็ไม่สามารถพรากทั้งสองออกจากกันได้
ฉาก ในเรื่องของฉาก
บรรยากาศในฉากโดยเฉพาะฉากตลาด ฉากพายเรือในแม่น้ำของชาวบ้านที่ขายของทำให้คิดถึงบรรยายกาศสมัยก่อนจริงๆ
[สมัยช่วงรัชกาลที่ 4 ] โดยเฉพาะฉากสำคัญฉากหนึ่งที่ยังคงอยู่ในแม่นาคทุกภาคคือ
ฉากที่แม่นาคไปยืนรอพี่มากที่ท่าน้ำ
ฉากนี้สื่ออารมณ์ได้ดีมากถึงความโหยหาคนรัก การสื่ออารมณ์ทางสายตาที่เด่นชัด
ตอนที่แม่นาคมองพี่มากเขามองด้วยความรัก ความกลัวที่พี่มากจะรู้ความจริง
เวลาพูดบางครั้งจึงหลบสายตาบ่อย
และฉากที่แม่นาคมองกลุ่มเพื่อนของพี่มากอันนี้สื่อให้เห็นถึงความโกรธและความน่ากลัวได้เด่นชัดมาก
อีกฉากที่เด่นๆคือฉากงานวัด เราจะเห็นการเซ็ตฉากขึ้น ซึ่งทำให้นึกถึงงานวัดในสมัยก่อนจริงๆซึ่งจะมีพวกซุ้มของเล่น
บ้านผีสิง ชิงช้าสวรรค์ อีกฉากจะเป็นฉากการใบ้คำ
ซึ้งฉากนี้เรียกเสียงฮาได้เยอะทีเดียวและยังทำให้รู้ความจริงเรื่องที่แม่นาคเป็นผีอีกด้วย
เรื่องแสงในเรื่องจะเน้นโทนสีมืดๆ [จัดแสงแบบ Low Key] เพื่อเน้นความน่ากลัว
ส่วนเรื่อง effect ของหนังไม่มีอะไรมาก
ที่เห็นจะมีมากหน่อยก็ฉากสงคราม โดยส่วนตัวก็คิดว่าไม่เนียน Sound ก็ยังมีความสำคัญช่วยกระตุ้นได้ดี ฉากน่ากลัวก็จะมีเสียงดนตรีเร้า
ส่วนฉากตลกก็จะใส่เสียง effect ไป ในเรื่องมุมกล้องส่วนใหญ่จะ Group
Shot (ภาพแบบทั้งกลุ่ม)และ Close Up หรือการซูมไปถึงรูขุมขนของตัวละครแต่ละคนการใช้มุมกล้องแบบนี้รู้สึกว่ามากเกินไปดูแล้วอาจจะรู้สึกอึดอัด
สัญลักษณ์ แหวนเป็นตัวบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของพี่มากที่มีต่อแม่นาค
จะเห็นได้ว่ามีฉากหนึ่งที่เพื่อนของพี่มากไปเจอศพที่อยู่ในป่าข้างบ้าน
เมื่อเห็นแหวนที่สวมอยู่ที่ศพก็รู้ได้ทันทีว่านั้นคือแม่นาค
แหวนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงสถานะความสัมพันธ์ และความเป็นตัวตนของทั้งคู่อย่างชัดเจน
มุมมองในการเล่าเรื่อง หนังเรื่องพี่มาก
เป็นการนำเอาตำนานเรื่องเล่าของแม่นาคพระโขนง มาตีความใหม่ในมุมมองของพี่มาก
ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านมุมมองและสามัญสำนึกของคนในปัจจุบัน
เราจึงเห็นได้ว่าในเรื่องพี่มากจะตอบสนองจิตนาการของคนในปัจจุบันเข้าไปในฉากต่างๆ
เช่นฉาก งานวัด หรือร้านยาดองปั่นก็ตาม พี่มากภาคนี้ต่างจากที่เคยทำมาโดยสิ้นเชิง
ภาคก่อนจะทำออกมาในรูปแบบน่ากลัว แต่ภาคนี้ถ่ายทอดออกมาในแนวตลกหักมุม
เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในแง่ของการให้ความบันเทิงได้อย่างครบรูปแบบ แต่ยังคงมีพล็อตเรื่องไม่ต่างจากเดิมมากคือเรื่องราวความรักของพี่มากและแม่นาค
กล่าวโดยสรุปคือ คนในปัจจุบันมองมุมมองความรักและวิถีชีวิตคนในอดีตว่าเป็นอย่างไรนั้นเอง